ไวน์

ไวน์ (Wine)

ไวน์ (Wine) เป็นเครื่องดื่มที่ผลิตจากการหมักขององค์ประกอบน้ำตาลธรรมชาติในผลไม้หรือผลองุ่น โดยที่ผลไม้ที่ใช้ในการผลิตไวน์จะมีความสุกแก่และเหมาะสมสำหรับการทำไวน์ กระบวนการผลิตไวน์ประกอบด้วยการเก็บเกี่ยวผลไม้ การบดผลไม้เพื่อได้เอาเปลือกและเนื้อผลไม้ การหมักเอาสารเคมีจากผลไม้กับกลุ่มสายพันธุ์ Saccharomyces (ยีสต์) เพื่อทำให้น้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ และการเลี้ยงสายพันธุ์ยีสต์และกลุ่มแบคทีเรียในระหว่างกระบวนการหมัก ตามด้วยการหลั่งสู่บริเวณอื่นๆเพื่อเก็บไวน์ที่เกิดขึ้น ไวน์มีลักษณะความหอมและรสชาติที่หลากหลายซึ่งมาจากองค์ประกอบต่างๆ ที่มีอยู่ในผลไม้และกระบวนการผลิต มีหลายประเภทของไวน์ เช่น ไวน์แดง ไวน์ขาว เป็นต้น ไวน์มักถูกบรรจุในขวดและเป็นที่นิยมในสายการอาหารและงานเลี้ยงต่างๆ การจับคู่อาหารกับไวน์ก็เป็นทักษะที่ได้รับความนิยมเพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับประทานอาหารและไวน์ให้มีความสมดุลและเสริมสร้างรสชาติที่ล้ำลึก

ประวัติศาสตร์ของไวน์

ประวัติศาสตร์ของไวน์เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ยุคโบราณถึงปัจจุบัน การผลิตและบริโภคไวน์เกิดขึ้นมาพร้อมกับการเรียนรู้และประสบการณ์ทางรสชาติที่ไม่มีวันผ่านไปเสียหาย

ในยุคกลาง การปลูกองุ่นและการผลิตไวน์เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาไวน์ในยุคในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 การตกแต่งรสชาติและการเลือกใช้พันธุ์องค์ประกอบพืชที่เหมาะสมนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพของไวน์

ในปัจจุบัน ไวน์มีบทบาทที่สำคัญในวัฒนธรรมและศิลปวัฒนธรรม การเลือกซื้อไวน์ไม่เพียงแค่การเลือกเครื่องดื่ม แต่ยังเป็นการเลือกเรื่องราวและประสบการณ์ที่ต้องการแบ่งปันกับผู้อื่น นี่เป็นเพียงส่วนเล็กในเรื่องราวยาวนานของไวน์ที่มีความหลากหลายและมีความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ทางรสชาติและวัฒนธรรมในทุกส่วนของโลก

วิธีการผลิตไวน์

การทำไวน์เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและประกอบด้วยขั้นตอนหลายขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้คือขั้นตอนการทำไวน์อย่างย่อ:

  1. เก็บเกี่ยวผลไม้ การเลือกเวลาเก็บเกี่ยวผลไม้ที่เหมาะสมและสุกเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญ เช่น หมอกสุกแก่สำหรับไวน์แดง หรือองค์ประกอบสิ่งใดก็ตามที่น่าสำหรับไวน์ขาว การเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมจะมีผลต่อคุณภาพของไวน์ที่ผลิตขึ้น

  2. การบดและอัดผลไม้ หลังจากเก็บเกี่ยวผลไม้มาแล้ว จะต้องทำการบดและอัดผลไม้เพื่อให้ได้มัสลิน (Mash) ที่ประกอบไปด้วยเนื้อผลไม้ ลมฟูและเปลือก

  3. การหมัก ในขั้นตอนนี้จะเพิ่มยีสต์ (Yeast) เข้าไปในมัสลิน เยี่ยมหากันสารเคมีจากผลไม้ ทำให้เกิดกระบวนการหมักธรรมชาติ ไยสต์จะเปลี่ยนน้ำตาลในผลไม้เป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซที่ส่งผลให้เกิดความโอรสและรสชาติในไวน์

  4. การหลั่งไวน์ หลังจากกระบวนการหมักเสร็จสิ้น ไวน์จะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า “หมักเสร็จ” (Finished Fermentation) และต้องถูกหลั่งออกจากกล้างให้เหลือแต่ส่วนที่มีความสะอาดและสำคัญสำหรับไวน์

  5. การเลี้ยงและบรรจุ ไวน์ที่หลั่งเสร็จแล้วจะต้องถูกเลี้ยงเพื่อให้สมดุลและพัฒนาคุณภาพรสชาติ จากนั้นจะทำการบรรจุไวน์ลงในขวด ซึ่งบางครั้งอาจต้องเพิ่มสารกันเสียเพื่อให้ไวน์ยังคงความสดชื่น

  6. การบริโภค ไวน์พร้อมที่จะถูกบริโภคหลังจากการทำงานฝีมือและการพัฒนาคุณภาพ การทำงานของนักโปรตีนที่รับผิดชอบในการสร้างไวน์มีส่วนสำคัญในการเรียนรู้รสชาติและคุณค่าทางสุขภาพของไวน์

ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนพื้นฐานของการทำไวน์ แต่ในแต่ละประเทศและพื้นที่ อาจมีการใช้เทคนิคและกระบวนการที่แตกต่างกันไปอาจมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้คุณภาพไวน์ที่ดีที่สุด

ชนิดของไวน์ ไวน์มีกี่ประเภท (Type of Wine)

ประเภทของไวน์ มีความหลากหลายทั้งในเรื่องของชนิดและประเภทต่างๆ อย่างไรก็ตาม การแบ่งประเภทขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการผลิต องค์ประกอบที่ใช้ สภาวะภูมิอากาศ และคุณสมบัติทางรสชาติ เพื่อให้คุณมีภาพรวมเกี่ยวกับการแบ่งประเภทไวน์ นี่คือประเภทหลักของไวน์

  1. ไวน์แดง (Red Wine) ไวน์แดงเป็นไวน์ที่ทำมาจากองุ่นดำที่หมักด้วยเปลือกองุ่น ขั้วองุ่น รวมถึงเมล็ดทำให้ไวน์นั้นจึงเป็นสีแดง โดยไวน์แดงมี Tannin (แทนนิน) สูง ซึ่งทำให้รสที่ได้จะขมและแห้งในปากหลังจากที่คุณจิบไวน์

  2. ไวน์ขาว (White Wine) เป็นไวน์ที่ทำมาจากองุ่นขาวซึ่งจะแตกต่างจากไวน์แดงที่หมักด้วยเปลือกองุ่นเป็นหลัก แล้วเอาเฉพาะน้ำองุ่นไปผลิตไวน์ขาวเท่านั้น ทำให้รสชาติของไวน์ขาวจะสดชื่น มีความเปรี้ยวหวาน

  3. ไวน์โรเซ (Rosé Wine) คือไวน์ที่เนื้อผลไม้และเปลือกเจือจางกัน ทำให้ได้สีชมพูอ่อน ไวน์โรเซส่วนใหญ่มีรสชาติที่สดชื่นและอ่อนโยน

  4. ไวน์อิสระ (Sparkling Wine) ไวน์ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใน ทำให้เกิดฟองในไวน์ เช่น ไวน์แชมเปญ ไวน์โปรเซกโก และไวน์สปาร์คลิ่งอื่นๆ

ประโยชน์ของไวน์

ประโยชน์ของไวน์ นั้นมีมากมายต่อการบริโภคและสุขภาพของมนุษย์ หากท่านดื่มในปริมาณที่พอดีมันก็จะส่งผลดี แต่ถ้าหากท่านดื่มมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียได้ ดังนั้นเวลาดื่มเราก็ต้องควบคุมปริมาณในการดื่มด้วย

  1. สร้างประสบการณ์ การดื่มไวน์เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและสร้างความอบอุ่น ความหอมหวานและรสชาติที่หลากหลายของไวน์ทำให้เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจและสนุกสนานมากขึ้นในเวลาที่คุณบริโภค

  2. บรรเทาความเครียด ความอบอุ่นและความผ่อนคลายทางรสชาติในไวน์สามารถช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างอารมณ์ที่ดีในผู้บริโภค

  3. สร้างประสบการณ์สังคม การดื่มไวน์สามารถเป็นโอกาสในการพบปะและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคน มันเป็นส่วนสำคัญของการทานอาหารและงานเลี้ยงที่มีความสนุกสนาน

  4. มีสารอาหารบางส่วน ไวน์สามารถมีสารอาหารบางส่วนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น โปลีฟีโนล (Polyphenols) ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและสามารถป้องกันโรคได้

  5. ส่งเสริมการขับถ่ายของระบบทางเดินอาหาร การบริโภคไวน์อย่างเหมาะสมอาจช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่ายและการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

  6. มีส่วนในการบำรุงโครงกระดูก ไวน์มีซิลิคเข้มข้น (Silicon) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยสร้างความแข็งแรงในโครงกระดูก

  7. ส่งเสริมการหลั่งน้ำลายเพิ่มขึ้น การดื่มไวน์อย่างสม่ำเสมออาจช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำลายที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าการบริโภคไวน์ควรทำอย่างสม่ำเสมอและในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากการดื่มไวน์ในปริมาณมากอาจมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หากคุณมีปัญหาสุขภาพหรือยังไม่แน่ใจว่าควรดื่มไวน์หรือไม่

สรุป

ไวน์ ถือเป็น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน โดยส่วนมากเป็นเครื่องดื่มที่ได้จากการหมักจากองุ่น ไวน์ชื่อดัง ส่วนมากจะมาจากประเทศฝรั่งเศส โดยเมื่อก่อน ไวน์ ราคา จะแพงและหาดื่มยากมากแต่ในปัจจุบันเราสามารถเห็นไวน์ราคาถูก และมีรสชาติที่อร่อยได้ตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้เลย สำหรับท่านที่อยากลอง ไวน์ 7-11 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน โดยจะมียี่ห้อหลักๆใน 7-11 ก็คือ ไวน์ robert mondavi และ ไวน์ mont clair ไวน์นั้นจะช่วยเพิ่มมิติและรสชาติของอาหารได้เป็นอย่างดีแต่ก็ต้องเลือกไวน์ให้ถูกกับชนิดอาหารที่ทานด้วย

อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ : เหล้า